La Strada และ ‘การชงชา’ บางสิ่งอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะเข้าใจ
Published : มกราคม 2, 2024 | Blog | Editor :

“ทุก ๆ ครั้งที่ได้ดู เรื่อง ‘ถนน’ ของเฟลลีนีจะกลายเป็นอีกเรื่องและลึกซึ้งขึ้นเสมอ”
ในบทนำของหนังสือ ‘ทุกวันเป็นวันที่ดี:ความสุข 15 ประการที่การชงชาสอนฉัน’ ผู้เขียนเกริ่นนำด้วยการเล่าถึงหนังเรื่อง La Strada ก่อนจะเข้าสู่เรื่องการเรียนชงชา แต่หนังอิตาลียุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จะมีอะไรเชื่อมโยงกับคนญี่ปุ่นยุคเบบี้บูมเมอร์และการชงชาได้อย่างนั้นหรือ
โนริโกะ ดูเรื่อง La Strada ทั้งหมด 3 ครั้ง
ครั้งแรก พ่อแม่พาเธอไปดูตอนป.ห้า
ครั้งที่สอง สิบปีให้หลังสมัยเป็นนักศึกษา
ครั้งที่สาม ตอนกลางอายุสามสิบ
จากครั้งแรกที่ดูแล้วไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องแม้แต่น้อย ในครั้งที่สองเธอรู้สึกเหมือนจะเข้าใจเนื้อเรื่องขึ้นมาราง ๆ และในการดูครั้งที่สาม เธอร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะรู้สึกราวกับหนังเรื่องนั้นกำลังเล่าถึงชีวิตของตัวเอง
La Strada (1954) เป็นหนังอิตาลีขาว-ดำ ผลงานมาสเตอร์พีซของกำกับ เฟเดรีโก เฟลลีนี (Federico Fellini) ที่ได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ในปี 1957 และได้รับการยกย่องจากสถาบันภาพยนตร์อเมริกันว่าเป็น ‘หนึ่งในภาพยนตร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา’
เพราะเหตุใดหนังอิตาลีเรื่องนี้ถึงมีอิทธิพลต่อโนริโกะมากถึงขนาดทำให้เธอเข้าใจชีวิตได้
La Strada (แปลว่า ถนน) เล่าเรื่องราวมืดหม่นของนักแสดงเร่ร่อนที่ยากจนสองคน ‘เจลโซมีนา’ หญิงสาวผู้ไร้เดียงสาถูกแม่ขายให้กับ ‘แซมปาโน’ ชายหนุ่มนักแสดงเร่ผู้มีนิสัยหยาบกระด้าง
ทั้งสองเปิดการแสดงไปตามเมืองต่าง ๆ โดยแซมปาโนจะรับบทเป็นมนุษย์จอมพลังที่สามารถกระชากโซ่ให้ขาดด้วยมือเปล่าได้ ส่วนเจลโซมีนาจะแต่งหน้าเป็นตัวตลก คอยรับบทเป็นผู้ช่วยในการแสดง แม้จะมีกันอยู่สองคน แต่แซมปาโนก็คอยแต่จะสร้างเรื่องให้เจลโซมีนาเสียใจอยู่เป็นประจำ รวมถึงใช้ความรุนแรงกับเธอบ่อยครั้ง
แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองคนต้องแยกจากกัน ซัมปาโนไม่เคยรู้ข่าวคราวจากเจลโซมีนาอีกเลย จนกระทั่งผ่านไปห้าปี เขาถึงรู้ว่าเธอตายจากโลกนี้ไปแล้วอย่างโดดเดี่ยว และเป็นตอนนั้นเองที่ชายผู้โหดร้ายได้สำนึกผิดและเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียคนที่ตนรัก คนที่เขาเป็นผู้ทิ้งให้ต้องเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมายตามลำพัง
ชื่อเรื่อง La Strada ที่แปลว่าถนนนั้นสื่อถึงถนนหรือเส้นทางที่ทั้งสองคนเลือกเดินในชีวิต มีหลายครั้งที่เจลโซมีนาพยายามหนีไปจากซัมปาโน แต่เมื่อมีโอกาสหนีเข้าจริง เธอกลับเปลี่ยนใจและยังคงอยู่กับเขาต่อไปเพราะความผูกพันธ์
La Strada จัดเป็นหนังที่ใกล้เคียงกับแนว Italian Neorealism เป็นแนวเกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเหล่าผู้กำกับต้องการทำหนังสะท้อนสภาพสังคมอิตาลีในช่วงหลังสงครามที่ประชาชนมีสภาพชีวิตลำบากแร้นแค้น และบ้านเมืองพังราบคาบ
ประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ ‘ชีวิต’ และ ‘ตัวตน’ ชวนให้ตั้งคำถามว่า ‘ชีวิตคืออะไร’
แล้วเด็กหญิงโนริโกะในวัยสิบขวบที่ยังไม่เคยผ่านการใช้ชีวิตเลยนั้นจะเข้าใจได้อย่างไร จนกระทั่งได้ผ่านความผิดหวัง ความสุข ความเศร้า นั่นเอง เธอจึงเข้าใจเนื้อเรื่องไปพร้อม ๆ กับประสบการณ์ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น
เช่นเดียวกับหนัง เรื่องต่าง ๆ บนโลกนี้ก็แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ “เรื่องที่เข้าใจได้ทันที” กับ “เรื่องที่ยังไม่เข้าใจในทันที” เรื่องที่ยังไม่เข้าใจนั้นต่อให้พยายามแค่ไหนก็คงไม่อาจเข้าใจได้จนกว่าเวลาของมันจะมาถึง และเมื่อเข้าใจแล้ว จะทำเป็นไม่เข้าใจอีกก็ไม่ได้เช่นกัน
ตั้งแต่เริ่มเรียนชงชาตอนอายุ 20 ปี เธอมีแต่ความไม่เข้าใจอยู่ในหัว ทำไมต้องมีขั้นตอนและพิธีรีตองมากมาย ทำไมในพิธีชงชาต้องใช้คำพูดที่เข้าใจยาก ทำไมต้องมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามฤดูกาล หลายครั้งเธอไม่เข้าใจอะไรเลย แถมยังไม่เข้าใจด้วยว่าที่ไม่เข้าใจนั้น ไม่เข้าใจอะไร
กว่าแซมปาโนจะเข้าใจความรู้สึกสูญเสีย ก็เมื่อรู้ว่าเจลโซมีนาจากไปแล้ว
กว่าโนริโกะจะเข้าใจ La Strada ก็ต้องดูถึง 3 ครั้ง
กว่าโนริโกะจะเข้าใจสิ่งที่แฝงอยู่ในการเรียนชงชา ก็ต้องใช้เวลาถึง 25 ปี
ทั้งสองอย่างนี้ทำให้เธอตระหนักว่า สำหรับเรื่องที่ไม่เข้าใจนั้น สุดท้ายแล้วก็จะค่อย ๆ เข้าใจขึ้นทีละน้อยในระหว่างที่มันผ่านไปผ่านมาในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า และจะเปลี่ยนไปเป็น “อีกเรื่อง” ไปทันทีที่เข้าใจ
เมื่อเฝ้ารออย่างอดทนจนกระทั่งโลกภายในเติบโตเต็มที่ เธอก็ได้รู้สึกและค้นพบสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง
แท็ก
Related Content

มาถึงปี 2023 แล้ว แต่ทำไมบางคนยังคงเหยียดเพศอยู่
1ตัวอย่างที่โหดร้ายเสมอในการกดขี่ทางเพศ คือ มายาคติเกี่…

BRIEFING “ความถูกต้องอยู่ข้างใคร”
“เรายังจะอยู่ร่วมกันได้ไหม” หนังสือเล่มนี้เ…

“There is no spoon.” ไม่ใช่ช้อนที่ง้อ ตัวคุณเองต่างหากปรัชญาเซนในภาพยนตร์ The Matrix
หนึ่งในฉากติดตาของภาพยนตร์ The Matrix (1999) คือตอนที่น…