การบอกว่าแบบไหนคือ “มีนุนชี่” บางทีก็เป็นเรื่องยาก แต่ในทางกลับกันการบอกว่าแบบนี้คือ “ไม่มีนุนชี่” นั้นดูจะง่ายกว่ามาก

คนที่ไม่มีนุนชี่ทำให้คนอื่นอยากคว้าตัวมาปิดปาก หันไปกลอกตากับคนข้างๆ หรือเตะขาจากใต้โต๊ะ พวกเขามักทำในสิ่งที่ไม่ควรทำและทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดที่จะพูดคุยหรืออยู่ด้วย บางคนอาจจะเถียงว่าแล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครคิดอะไรอยู่ อันที่จริงเราแทบไม่ต้องรู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดอะไร หากเราจะระวัดคำพูดและการกระทำของเรามากพอว่ามันจะทำให้ใครไม่สบายใจหรือเปล่า

ถ้ามีใครสักคนช่วยเตือนคุณถึงเรื่องต่างๆ เหล่านี้ อย่าคิดว่าเขาพยายามจะขัดแข้งขัดขาเลย นั่นถือเป็นเรื่องดีเสียอีกที่ได้รู้ว่าตัวเองควรปรับปรุงอะไร มันไม่ใช่แค่การระวังว่าเราจะไม่ทำเสียเรื่อง แต่เป็นการระวังไม่ให้คนอื่นมาทำเสียเรื่องกับเราด้วยเหมือนกัน

แล้วแบบไหนล่ะ ถึงเรียกว่าคนไม่มีนุนชี่?? มาสำรวจคนสามแบบที่เราไม่อยากจะเข้าใกล้กันดีกว่า

คนไร้นุนชี่ ประเภทที่ 1: พวกที่อ่านบรรยากาศห้องไม่เป็น

ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจมอยู่อยู่กับความคิดตัวเอง จนมองไม่เห็นภาพรวมที่เกิดขึ้นในห้อง เช่น การที่เราเดินเข้าไปในที่ทำงานแล้วเห็นเพื่อนคนหนึ่งทำหน้าเศร้า เราเลยแกล้งแซวว่าไม่ได้มีใครตายสักหน่อย ทำไมทำหน้าแบบนั้น ซึ่งเขาอาจจะเพิ่งสูญเสียอะไรบางอย่างในชีวิตไปก็ได้

คนไร้นุนชี่ ประเภทที่ 2: พวกสตอล์กเกอร์ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนโรแมนติก

บางทีเราก็เผลอมองมันด้วยความโรแมนติกเกินไปในสิ่งที่คนหนึ่งทำเพื่ออีกคนหนึ่ง อย่างการตามตื้อและทุ่มเทจิตวิญญาณให้คนรับรัก การติดตามความเคลื่อนไหวในทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นแล้วไปปรากฎตัวใกล้ๆ แบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากการเอาตัวเองเ็นที่ตั้ง โดยไม่เคารพความต้องการของอีกคนหรอก

คนไร้นุนชี่ ประเภทที่ 3: พวกคนที่มองไม่เห็นความหมายที่ซ่อนอยู่

เราหลายคนมีเพื่อนที่เราต้องอธิบายทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียด และบางครั้งพวกเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เช่น ถ้าเราพูดอ้อมๆ ว่าเรามีไฟท์บินตั้งแต่เช้าและยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลย แต่เพื่อนคนนั้นก็ยังตื้อให้เราอยู่ในวงสนทนาต่อ แบบนี้นอกจากจะไม่น่ารักแล้วยังทำให้เราไม่อยากเจอเพื่อนคนนี้อีกก็ได้