อ่านเล่มนี้แล้วคิดถึงเล่มนั้น ดูเรื่องนั้นแล้วคิดถึงเรื่องนี้ บรรยากาศการอ่านและดูที่เราคิดถึงบางทีก็ซ่อนอยู่ในเรื่องราวที่แตกต่างกัน แต่ให้มวลความรู้สึกคล้ายคลึงกันลอยอยู่อย่างเบาๆ

Biblio เลยอยากเปิดเข้าไปหาบ้านของแฟนแต่ละหลัง แล้วแอบวางหนังสือลงบนชั้น เล่มใหม่จากสามสำนักพิมพ์ที่นักอ่านบ้านนี้น่าจะชอบ ใครเคยผ่านตาหนังหรือซีรีส์นี้มา ถ้าได้อ่านเล่มที่แนะนำน่าจะดีมากแน่ๆ และนี่คือบรรดาหนังสือที่อยากให้มีทุกบ้าน

การขับเคี่ยวทางการเมืองอันเข้มข้น มหาศึกแห่งดูน ก็เดือดไม่แพ้ มหาศึกชิงบัลลังก์ มีทั้งการทรยศหักหลัง เกมกลยุทธ์ในการชิงอำนาจ การล้างแค้นที่อาจล้างบางบางตระกูล

มหาศึกแห่งดูน คือนิยายไซ-ไฟ ที่ไม่ว่านักอ่านสายไหนก็ควรได้ลิ้มลอง ไม่ใช่แค่เพราะการขึ้นชื่อว่าเป็นนิยายคลาสสิค แต่เพราะหลายแง่มุมของเรื่องยังสดใหม่เสมอ แม้จะถูกเขียนมาตั้งแต่ปี 1965

และโดยเฉพาะผู้ที่ชมภาพยนตร์แล้ว แต่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้นว่าเป็นอย่างไร!

ภาพยนตร์ชื่อดังที่สร้างมาจากเหตุการณ์จริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บอกเล่าเรื่องราวของออสการ์ ชินด์เลอร์ ผู้ที่ดำเนินธุรกิจจากการค้าแรงงานชาวยิว แต่ท้ายที่สุดเขากลับกลายเป็นผู้ช่วยเหลือเชลยเหล่านั้น

“ที่ผ่านมา มนุษย์ไม่เคยไร้หัวใจ” เป็นเล่มที่จะทำให้เราได้เห็นแง่มุมเหล่านั้นอย่างชัดเจนขึ้น ความดีงามและความเมตตาเป็นรากฐานของเราพอๆ กับคำกล่าวอ้างว่าเราชั่วร้ายนั่นแหละ แต่ไม่เสมอไปที่เราจะเอาแต่ฟาดฟันกัน เพราะถ้าทุกอย่างมันจบลงได้โดยปราศจากคาวเลือด มนุษย์เราก็ยินดีจะทำเช่นนั้น

Brooklyn Nine-Nine เป็นซิทคอมตำรวจสุดป่วน แม้ว่าเซ็ตติ้งจะไม่เกี่ยวอะไรกับร้านหนังสือเลยก็ตาม แต่ว่าทำให้นึกถึงในแง่ของตัวละครที่หลากหลาย และความเพี้ยนของแต่ละคนที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ

ใน “แปลกพิกล คนรักหนังสือ” นักอ่านก็จะได้พบกับมนุษย์ร้านหนังสือหลายๆ แบบเหมือนกัน มีทั้งคนที่น่ารักและน่าชัง มีทั้งคนแบบที่นักอ่านน่าจะเคยพบ และแบบที่นึกภาพออกตามได้ง่ายๆ จนอมยิ้มออกมาถึงแม้จะไม่เคยเจอกับตัวก็ตาม

Mr. Bean เป็นตัวละครที่หลายคนน่าจะคุ้นหน้า เขามีทั้งความกวน ความแสบ และความน่ารัก หลายครั้งวีรกรรมของเขาทำให้เราระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และวีรกรรมเหล่านี้แหละที่ทำให้เรานึกถึง “ชีวิตที่ใช่ ไม่ต้องใช้ทางลัด”

การสรรหาวิธีลัด ทางลัด การแฮ็กชีวิตในด้านต่างๆ ที่บางครั้งก็ไม่รู้ว่ามันช่วยให้ง่ายขึ้นหรือยุ่งยากขึ้นกันแน่ การได้ลองอะไรใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกดี แต่มันคงจะเริ่มไม่สนุกเท่าไร เมื่อเราเอาแต่ค้นหาวิธีการจนลืมเป้าหมายที่แท้จริงไป

เล่มนี้จะมาขยี้ทุกทางลัดให้คุณเห็นว่านั่นใช่ชีวิตที่ใช่จริงไหม? 

เป็นอีกเล่มและอีกเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันโดยตรง เพราะ Midnight Diner เล่าเรื่องชีวิตผู้คนผ่านร้านอาหาร แต่ในขณะเดียวกันลูกค้าทั้งหลายกลับทำให้เรานึกถึง ยุย และเพื่อนร่วมงานของเธอใน “ยังไงฉันก็จะเลิกงานตรงเวลาค่ะ”

พวกเขาแต่ละคนทำงานหนักมาทั้งวัน ย่อมต้องการการพักผ่อน การบาลานซ์งานไปพร้อมๆ กับชีวิตส่วนตัว และทุกตัวละครต่างก็มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจเป็นของตัวเอง ใครผ่านอะไรมาบ้าง ใครกำลังประสบปัญหาอะไร และเรื่องราวน่ารักๆ สำหรับคู่พระนาง มาเลิกงานตรงเวลากันเถอะ!

ซีรีส์เกาหลีที่ตัวเอกเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอย้ายไปเปิดร้านในเมืองชนบท แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้รับการยอมรับจากคนที่นั่นเท่าไร แถมในหลายครั้งยังถูกทำร้ายน้ำใจ ถูกดูแคลน จนเธอแทบจะอยากยอมแพ้

ตัวเอกเป็นคนอ่อนไหว ที่ถูกทำให้อยู่ในสภาวะนั้นจากคนภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ “ฉันไม่ได้อ่อนไหว เธอนั่นแหละที่ทำเกินไป” หยิบยกขึ้นมา ความคิดและคำพูดของคนอื่นมักมากระทบเราทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ความผิดเราสักนิดที่จะรู้สึกอ่อนไหวบ้าง แต่เผื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เราก็ต้องปรับจิตใจให้อยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ โดยไม่ยอมให้ตัวเองโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว แต่เลือกจะปกป้องตัวเองให้ถูกวิธีจากคนเหล่านั้น

ถึงจะไม่ได้มีพ่อมดหรือแม่มด แต่ “ร้านมหัศจรรย์สำหรับคนไม่หยุดฝัน” จะให้บรรยากาศเหมือนการเดินอยู่ในตรอกไดแอกอน สถานที่ที่เต็มไปด้วยร้านค้าขายของวิเศษ

ที่นี่นักอ่านจะได้เดินทางไปสู่ร้านขายฝัน ร้านขายอุปกรณ์ที่ช่วยให้ฝันสนุกขึ้น ได้รู้จักกับพนักงานขายที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ความสนุกไม่ได้อยู่แค่เรื่องราวที่ได้ฝันเท่านั้น แต่เนื้อหายังเชื่อมโยงกับโลกความเป็นจริงได้อย่างลงตัว

ดังนั้น ถ้าเหนื่อยนักก็อ่านหนังสือ แล้วนอนหลับฝันสักหน่อยนะ