3 เหตุผลที่ควรอ่าน Emotional Agility หนังสือดีที่จะทำให้เข้าใจอารมณ์ตัวเองมากขึ้น

Published : พฤษภาคม 5, 2023 | Blog | Editor :

💛 3 เหตุผลที่ควรอ่าน Emotional Agility หนังสือดีที่จะทำให้เข้าใจอารมณ์ตัวเองมากขึ้น 💛

ในทุกวันของชีวิต มนุษย์เราก็ไม่ต่างกับนักเดินเรือที่เดินทางด้วยความไม่รู้ ไม่มีประภาคารเตือนให้เราหลบพ้นความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ ไม่มีต้นหนคอยบอกทิศทางจากหน้าต่างเรือ หรือเรดาร์บนหอคอยที่จะคอยเป็นหูเป็นตา บอกเราว่ามีความเสี่ยงซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง หรือมีอะไรที่อาจทำให้แผนการชีวิตของเราต้องอับปางลง

มีเพียง “อารมณ์” เช่น ความกลัว ความวิตกกังวล ความรื่นเริง และความเบิกบาน ซึ่งเป็นระบบสารเคมีในประสาทที่พัฒนาขึ้นมา ช่วยนำทางให้เราฝ่าคลื่นลมอันซับซ้อนของชีวิต ทว่าก็อย่างที่เรารู้กัน อารมณ์ของเรานั้นไม่ได้เชื่อถือได้เสมอไป บางครั้งเป็นมันเองนี่แหละ ที่พาประสบการณ์อันเจ็บปวดในอดีตมาครอบงำตัวเรา บังตาการตัดสินใจจนนำเราไปพุ่งเข้าชนโขดหินเข้าอย่างจัง

ถ้าไม่อยากเจ็บตัว เราก็ต้อง “ไว” กว่าอารมณ์ตัวเอง ด้วยแนวคิดที่เรียกว่า Emotional Agility หรือความคล่องแคล่วทางอารมณ์ที่จะช่วยให้เรารู้เท่าทันและเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เราจะรับรู้ได้ว่ามีความโกรธ ความเศร้า และอารมณ์อื่นๆ อีกมากมายอยู่ในใจ (เพราะใครบ้างล่ะที่ไม่มี) เพียงแต่จะเผชิญเรื่องเหล่านี้ด้วยความสงสัยใครรู้ และยอมรับ ไม่ได้จะปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้มาทำให้เสียศูนย์

Emotional Agility ถูกอธิบายไว้อย่างเข้าใจง่ายในหนังสือชื่อเดียวกัน เขียนโดยซูซาน เดวิด นักจิตวิทยาหญิงที่มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนอ่านสามารถรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ซับซ้อน และง่ายที่จะบั่นท่อนหัวใจ ด้วยการเข้าใจในอารมณ์ตัวเอง – ถ้ายังลังเลว่าจะอ่านมันดีไหม เรามี 3 เหตุผลมาช่วยประกอบการตัดสินใจ อ่านแล้วถามใจตัวเองดังๆ นะ ว่าพร้อมจะให้หนังสือมาเป็นสื่อกลางช่วยสมานความเข้าใจซึ่งกันและกันหรือยัง

1.เพราะการเข้าใจอารมณ์ จะนำไปสู่การมีความสุขกับความสัมพันธ์ บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มเปี่ยมที่สุด

ซูซาน เดวิด ผู้เขียน บอกไว้ในหนังสือว่า เป้าหมายที่เธอเขียนหนังสือเล่มนี้ก็คือ เพื่อช่วยให้คนอ่านรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น เรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่กับอารมณ์ต่างๆ ได้อย่างสันติ และค่อยๆ เพิ่มความคล่องแคล่วทางอารมณ์ให้ตัวเอง

ด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่ไม่ได้จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ชนิดที่ไม่เคยพูดอะไรผิดพลาด หรือไม่เคยถูกความรู้สึกทำร้าย (ไม่ว่าจะเป็นความอับอาย ความรู้สึกผิด ความโกรธเกรี้ยว ความวิตกกังวล หรือความรู้สึกไม่ปลอดภัย) แต่จะช่วยให้คุณรับมือกับอารมณ์ที่รับมือได้ยากที่สุดของตัวเองได้ เพิ่มขีดความสามารถในการมีความสุขกับความสัมพันธ์ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และใช้ชีวิตของคุณได้อย่างเต็มเปี่ยมที่สุด

สิ่งนี้แหละที่ตอบคำถามข้อใหญ่ที่สุดก่อนจะอ่านเล่มนี้ได้ ว่าเราจะรู้เรื่อง Emotional Agility ไปทำไม

2.เขียนโดยนักจิตวิทยา ผู้ศึกษาเรื่องอารมณ์และวิธีโต้ตอบกับมันมามากกว่าสองทศวรรษ

โล่งใจได้…นี่ไม่ใช่หนังสือที่เขียนโดยไลฟ์โค้ชหรือคุณครูวิชาชีวิตที่ไหน มันถูกจรดปากกาโดย ซูซาน เดวิด นักจิตวิทยา ผู้ศึกษาเรื่องอารมณ์และวิธีโต้ตอบกับมันมามากกว่าสองทศวรรษ

และเติบโตมาในประเทศแอฟริกาใต้ ในยุคที่การแบ่งแยกสีผิวและชาติพันธุ์ยังรุนแรง การศึกษาก็ไม่ได้มีทั่วถึงแก่ทุกคน ชาวแอฟริกันส่วนใหญ่มีโอกาสที่จะถูกข่มขืนมากกว่ามีโอกาสอ่านหนังสือออกเสียอีก เพื่อนของเธอถูกรุมข่มขืน ลุงก็ถูกฆาตกรรม ทำให้ซูซานกลายเป็นเด็กวัยรุ่นที่สนใจอย่างลึกซึ้งในการทำความเข้าใจวิธีที่ผู้คนรับมือ (หรือรับไม่ได้) กับความโกลาหลและความโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว

แม้แต่ในประเทศที่มีความสงบสุขเป็นส่วนใหญ่และร่ำรวยอย่างสหรัฐอเมริกาที่เธอพำนักอยู่ในปัจจุบัน คนจำนวนมากก็ยังต้องรับมือกับปัญหาและหาทางที่จะมีชีวิตที่ดีที่สุด – เธอรู้ เพราะต้องรับฟังปัญหาของคนที่เข้ามาหาเธอในฐานะลูกค้า ส่วนมากมักบอกว่า พวกเขาถูกกักขังไว้ในชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหา ด้วยสถานภาพในปัจจุบัน รวมถึงความคิดและพฤติกรรมที่คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ

เธอจึงเชื่อว่า การรู้เท่าเท่าอารมณ์ตัวเองด้วยการมีความคล่องแคล่วทางอารมณ์ จะช่วยให้เราหลบหลีกไม่ให้ร่วงหล่นลงไปในหล่มที่สกัดไม่ให้ชีวิตเราเดินไปข้างหน้า เป็นที่มาว่าทำไมจึงมีหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้น

3.ยกตัวอย่างได้เข้าใจง่าย ต้องมีสักเคสที่ตรงกับเรา

นี่ไม่ใช่หนังสือประเภทตำราคร่ำครึ หรือเป็นเจ้าแห่งทฤษฎีมาจากไหน อย่างที่บอกว่า ซูซาน เดวิด เขียนมันจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง (ที่เกิดและโตที่แอฟริกา ในยุคที่การแบ่งแยกผิวสีและชาติพันธุ์ยังรุนแรง) และจากคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอไม่ว่าจะในฐานะอะไร ฉะนั้นมันจึงเต็มไปด้วยเคสตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงกับมนุษย์ ไม่ได้อ้างอิงขึ้นมาลอยๆ จับต้องไม่ได้

นอกจากนี้ ในบางประเด็น เธอยังยกตัวอย่างให้ดูป็อปขึ้นด้วย “ภาพยนตร์ดัง” ที่เราต้องเคยดู หรืออย่างน้อยๆ ก็รู้ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร มันเลยไม่ใช่การยากที่จะเข้าใจในเรื่องที่อาจจะยากแท้หยั่งถึงอย่าง “อารมณ์มนุษย์” ก็เพราะในบรรดาเคสที่เธอยกตัวอย่างมา ไม่ว่าจะจากตัวเธอเอง คนรู้จัก หรือภาพยนตร์ ต้องมีสักเคสแหละที่ตรงกับชีวิตเรา เป็นปัญหาเดียวกับที่เรากำลังเผชิญ

เป็นเหตุผลว่าทำไม Emotional Agility จึงเป็นหนังสือของพวกคุณทุกคน ไม่มากก็น้อย

แท็ก


Related Content