3 เหตุผล ทำไม ’The Why Cafe’ ถึงเป็นหนังสือที่จะช่วยชาร์จแบตให้ชีวิตในวันที่หมดแรงและหลงทาง

มกราคมอันแสนยาวนานกำลังจะผ่านไปสักที ปี 2021 นี่เป็นเหมือนภาคต่อของปี 2020 เลยเนอะ หนักหนาสาหัสไม่ต่างกันเลย ก็เลยไม่รู้ว่าหลายๆ คนในที่นี้มีกะจิตกะใจหยิบหนังสือมาอ่านกันหรือยัง เพราะบ้างอาจจะยุ่งกับชีวิตและการงานจนไม่มีเวลาอ่าน บ้างก็อาจยังไม่รู้ว่า จะอ่านเล่มไหนเป็นเล่มเปิดปีที่ยากๆ อีกปีดี

เราขอแนะนำ ‘The Why Cafe คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง’ หนังสือแปลเล่มใหม่ของสำนักพิมพ์ Being เขียนโดย จอห์น พี. สเตรเลกกี พ่วงดีกรี Best Seller ที่แปลมาแล้วกว่า 40 ภาษา และสร้างแรงบันดาลใจให้คนอ่านมากกว่า 2 ล้านคนทั่วโลก

ลืมหนังสือพัฒนาตัวเอง สร้างแรงบันดาลใจ หรือให้ข้อคิดในชีวิตเล่มอื่นๆ ไปก่อน เพราะ The Why Cafe จะพาคุณเข้าไปสำรวจตรวจหาคำตอบของคำถามที่ค้างอยู่ในใจ ด้วยกลวิธีที่แยบคายและลุ่มลึกกว่า ผ่านเรื่องเล่ากึ่งจริงกึ่งแต่งขนาดสั้นที่อ่านจบได้ในเวลาไม่นาน – รับรองว่าไม่นานเท่าการค้นหาเป้าหมายของการมีชีวิตแน่ๆ
.
ใครที่กำลัง ‘หมดหลอด’ ต้องการแบตเตอรี่ให้ชีวิตแบบด่วนๆ นี่คือ 3 เหตุผลว่าทำไม The Why Cafe ถึงเป็นหนังสือของคุณ

ช่วยทบทวนชีวิต ผ่าน 3 คำถามที่มีแต่เราเท่านั้นที่รู้คำตอบ

The Why Cafe พาเราตามติดชีวิตตัวละครเอกนาม จอห์น (ผู้เขียนก็ชื่อจอห์น ก็เป็นไปได้ที่เขาจะแทนตัวเองเป็นตัวละครนี้) ผู้หมายมั่นว่าจะลางานสัปดาห์หนึ่งเพื่อหลบไปพักผ่อน ให้สมองเลิกคิดวนอยู่แต่กับคำถามเดิมๆ ที่เขาพร่ำถามตัวเองทุกวันๆ ว่าตกลงแล้วชีวิตมีอะไรมากกว่าการนั่งทำงานในคอกสี่เหลี่ยมวันละสิบๆ ชั่วโมงจริงไหม

แต่แพลนก็พังระหว่างการเดินทาง จอห์นหลงอยู่กลางถนนที่เขาไม่คุ้นเคย น้ำมันก็ใกล้หมด วี่แววว่าจะเจอปั๊มน้ำมันก็ไม่มี ได้แต่มุ่งหน้าไปเรื่อยๆ อย่างทดท้อ ขอแค่เจอจุดแวะพักสักที่ก็พอแล้ว ณ จังหวะนั้น

แล้วจอห์นก็เจอจริงๆ เขาเลี้ยวรถที่ใกล้หมดน้ำมันเข้าไปในอาคารสีขาวทรงสี่เหลี่ยมหลังเล็กที่แปะป้ายด้านหน้าว่า The Why Are You Here Cafe ด้วยความเหนื่อยและหิว จอห์นหวังจะสั่งอาหารอร่อยกินปลอบใจ วางแผนไว้เล่นๆ ว่าสั่งสัก 3 จานไปเลย จะได้อิ่มๆ

แต่สิ่งที่ช่วยให้เขา ‘อิ่ม’ จริงๆ กลับไม่ใช่อาหาร 3 จาน แต่เป็น 3 คำถามที่ซ่อนอยู่หลังเมนูอาหาร คำถามที่ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับอาหารในร้านแห่งนั้น

1.เหตุใดคุณจึงมาที่นี่
2.คุณกลัวตายไหม
3.คุณพึงพอใจกับชีวิตหรือยัง

ระหว่างการกินและใคร่ครวญถึงคำตอบของคำถาม จอห์นกลายเป็นทั้งผู้พูด ผู้ฟัง และผู้คิด ในเรื่องราวของคนที่เคยหลงทางมาที่คาเฟ่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการว่ายน้ำของเต่าตนุและคลื่นที่พัดออกจากฝั่ง ชาวประมงผู้ไม่รอวันเกษียณ หรือหญิงสาวที่ซื้อของเพื่อความสุขในแบบที่การทำงานแทบถวายชีวิตไม่เคยให้เธอ

จนทำให้จอห์นได้เบิกเนตรและรีเซตความคิดเสียใหม่ ราวกับคำถามเหล่านี้มอบคำตอบที่เป็นเหมือนเข็มทิศชี้บอกทางให้เขารู้ว่า ชีวิตเป็นเรื่องมหัศจรรย์แค่ไหน เพียงแต่เราไม่เคยตระหนักว่าเราคือผู้แต่งเรื่อง และจะเขียนให้มันเป็นไปในทางใดก็ได้

จอห์นกลับออกจากคาเฟ่ในวันใหม่ ราวกับเป็นคนใหม่ – เขารู้แล้วว่าเหตุใดเขาถึงมา ‘ที่นี่’

เล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตได้ชวนคล้อยตาม อ่านสนุกจนวางไม่ลง

ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือประเภทพัฒนาตัวเอง สร้างเสริมแรงบันดาลใจ เผยกลเม็ดเคล็ดลับในการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ หรือฮาวทูทั้งหลายทั้งปวง แล้วรู้สึกว่า ก็ดีนะ…แต่มันไม่สนุกอะ สุดท้ายคุณก็จะอ่านมันไม่จบ และได้สาระไปไม่ครบตามที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นๆ ถ่ายทอดเป็นตัวอักษรเอาไว้

The Why Cafe ต่างจากเพื่อน เพราะจอห์น พี. สเตรเลกกี เล่ามันเป็นเรื่องราวเหมือนนวนิยาย อย่างที่บอกว่ามีตัวละครเอกชื่อจอห์น และยังมีอีกสองตัวละครสำคัญคือ เคซีย์ บริกรสาว และ ไมค์ เจ้าของร้าน มานั่งสนทนาในเรื่องชีวิตจิตใจกับจอห์นตลอดคืน

สำคัญเลยคือ บทสนทนาที่ว่านี้ออกรสออกชาติสุดๆ และชวนให้เห็นภาพที่ชัดมากๆ ลำดับเรื่องก็ลื่นไหล ถ้าลองนึกภาพตัวเองนั่งฟังคนเหล่านี้คุยกัน ก็คงเพลิดเพลินจนลืมคืนลืมวัน รู้อีกทีก็คงเดินทางมาถึงบรรทัดสุดท้ายของการสนทนาแล้ว

ไม่เชื่อก็ลองทำตามที่เราแนะนำ อ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบในรวดเดียวดู คุณจะพบว่า เอ้อ แป๊บเดียวก็อ่านจบแล้ว สนุกจริงๆ ด้วย

เป็นเหมือนคาเฟ่สวยๆ ที่เหมาะจะเอากายมาพัก เอาใจมาหย่อน

ในช่วงที่มันยังไม่บูมมาก คาเฟ่หรือร้านกาแฟ ก็เป็นแค่สถานที่ที่ไม่ได้มีฟังก์ชั่นมากไปกว่าการพักดื่มเท่าไร แต่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัว คาเฟ่ก็เบ่งบานขึ้นทั่วทุกหัวระแหง แข่งกันตกแต่งร้านให้สะสวยให้ธีมที่ต่างกันไป รวมถึงสร้างสรรค์เมนูที่แปลกใหม่ ทั้งเครื่องดื่มและของกิน เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านแล้วเช็คอินและถ่ายรูปสวยๆ ลง Instagram

รู้อีกทีมันก็กลายเป็นมากกว่าสถานที่พักดื่มไปซะแล้ว

แต่จะมีคาเฟ่ไหนให้คุณได้มากกว่ามุมถ่ายรูปสวยๆ เสียอีก…เฉกเช่น The Why Cafe ที่มีไฮไลท์เป็นคำถามที่ซ่อนอยู่หลังเมนู ซึ่งจะชี้ชวนให้แขกที่หลงทางมาในร้าน ได้พบคำตอบที่เขาค้นหามานาน

หนังสือ The Why Cafe ที่คุณถืออยู่ (หรือกำลังจะถือหลังอ่านโพสต์นี้จบ) ทำหน้าที่แทนคาเฟ่ในจินตนาการแห่งนั้น เมื่อมันเลือกวิธีและน้ำเสียงในการเล่าเรื่อง ที่ต่างจากเนื้อหาหนังสือพัฒนาความคิดและจิตใจแบบตรงไปตรงมาเล่มอื่น

ถ้าให้เปรียบเทียบเล่นๆ หนังสือเล่มนี้ก็คงเป็นเหมือนคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในย่านที่คนไม่พลุกพล่าน ตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทน สบายตาตั้งแต่แรกมอง และพอลองเข้าไปนั่งสักพัก รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้านแนะนำจนหมด ก็จะพบว่ามันคือการพักผ่อนหย่อนใจโดยสมบูรณ์แบบ อบอุ่นและอิ่มเอมจนไม่อยากลุก ถ้าเข้ามาในร้านแบบเหนื่อยๆ ก็คงได้กลับออกไปแบบ ‘เต็มหลอด’ นี่สินะที่เขาเรียกกันวา การชาร์จแบตให้ชีวิต