“พวกเราสังเกตเห็นว่าออฟฟิสที่ทำงานอยู่สนใจแต่เรื่อง ‘ประสิทธิภาพ’ และ ‘ผลงาน’ มากกว่า ‘ความรู้สึก’ ของคนทำงาน”

ลิซ ฟอสส์ลีน และมอลลี เวสต์ ดัฟฟี ผู้เขียน ‘ความรู้สึกนี้ใหญ่หลวงนัก’ ต่างเคยประสบภัยทางอารมณ์ขั้นรุนแรง พวกเธอกลั่นกรองประสบการณ์จริงที่ผ่านมา ประกอบการวิเคราะห์ด้วยความรู้ด้านการพัฒนาอารมณ์ที่ทั้งสองคนเชี่ยวชาญ กลายมาเป็นคู่มือจัดการปัญหาจิตใจที่พร้อมให้หยิบใช้ในยามจำเป็น

‘ลิซ’ ได้ทำงานที่อยากทำมาตลอดหลังเรียนจบ นั่นคือตำแหน่งนักวิเคราะห์ในบริษัทคำปรึกษาทางด้านการเงิน แต่กลายเป็นว่าความเครียดจากงานทำให้เธอมีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรงจนต้องลาออก ส่วน ‘มอลลี’ ฝันอยากเป็นสถาปนิกมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อได้ลองทำงานจริงๆ แล้ว ถึงได้ค้นพบว่าตัวเองสนใจผู้คนที่ทำงานอยู่ในตึก รวมถึงความสัมพันธ์ของพวกเขามากกว่าตึกที่ต้องออกแบบเสียอีก

ทั้งสองคนรู้จักกันผ่านกลุ่มนัดพบเพื่อนใหม่ และรู้สึกว่าต่างมีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน เช่น เป็นคนอินโทรเวิร์ตเหมือนกัน ชอบมุกตลกฝืดเหมือนกัน และเจอปัญหาในการทำงานเหมือนกัน เป็นต้น ความเข้ากันดีนี้เองทำให้ลิซและมอลลีสนิทสนมอย่างรวดเร็ว

ประเด็นที่พวกเธอคิดตรงกันคือ “เราต่างติดอยู่ในวังวนของความเชื่อว่า ถ้าคุณอยากเป็นมืออาชีพในการทำงาน ก็ต้องตัดความรู้สึกทิ้งให้หมด” จึงตัดสินใจทำ side project เป็นบทความเล่าประสบการณ์ในที่ทำงาน ซึ่งจำนวนผู้เข้าชมมากกว่าหนึ่งล้านครั้ง นี่คือสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีคนคิดเหมือนพวกเธอ

หนังสือเล่มแรกที่ลิซและมอลลีเขียนร่วมกันคือ ‘No Hard Feelings’ (ฉบับแปลภาษาไทยชื่อว่า ‘ทำงานกับคนต้องใช้อารมณ์ให้เป็น’) ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง นั่นทำให้พวกเธอเขียนผลงานเล่มที่สองตามมาคือ ‘Big Feelings’ หรือ ‘ความรู้สึกนี้ใหญ่หลวงนัก’

แต่หนังสือเล่มนี้เกือบจะไม่ได้เกิดขึ้น เพราะช่วงรอยต่อระหว่างหนังสือทั้งสองเล่มเกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียคนใกล้ตัว ความเครียดจากตำแหน่งงานที่สูงขึ้น ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง หรือความรู้สึกโดดเดี่ยวจากการย้ายที่อยู่ พวกเธอพยายามใช้ความรู้เกี่ยวกับอารมณ์ที่ได้จากการเก็บข้อมูลก่อนหน้านี้เพื่อดูแลตัวเอง แต่ก็ยังถูกอารมณ์และความรู้สึกเล่นงานแบบไม่ยั้ง

ในจังหวะที่เกิดคำถามขึ้นในหัวว่า “คนอื่นๆ ที่เจอปัญหาแบบเดียวกัน เขามีวิธีจัดการอย่างไรบ้างนะ” พวกเธอก็ปิ๊งไอเดียและอยากเขียนหนังสือสักเล่มเพื่อบอกวิธีการรับมือความรู้สึกยากๆ พวกนี้ มีคนมากมายที่ถูกอารมณ์และความรู้สึกเล่นงาน พวกเขาไม่เพียงมองหาหนทางเยียวยา แต่ยังต้องการการยอมรับจากคนรอบข้างอีกด้วย

ลิซและมอลลีเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อบอกให้คนที่กำลังเผชิญเหตุการณ์เช่นเดียวกันรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง เพื่อเล่าถึงการต่อสู้กับอารมณ์ของพวกเธอ และหวังว่าคนอื่นจะทำเช่นเดียวกัน

ปัจจุบันลิซเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับประสิทธิภาพในการทำงาน และหัวหน้าแผนกการสื่อสารและคอนเทนต์ ส่วนมอลลีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กรและผู้นำ

__________

ความรู้สึกนี้ใหญ่หลวงนัก

​Big Feelings : How to Be Okay When Things Are Not Okay