เพราะไม่รู้ว่าความตายจะนำไปสู่อะไร พวกเราเลยหวาดกลัวสิ่งนี้มากเป็นพิเศษ หนังสือ #ห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอยู่ตรงนี้ ได้หยิบเอาเรื่องเกี่ยวกับความตาย หรือสภาวะก่อนเสียชีวิตของมนุษย์มาอธิบายให้เราฟังอย่างละเอียดอ่อน อ่อนโยน

และเมื่ออ่านก็พบว่า มีหลายเรื่องที่พวกเราอาจจะเข้าใจผิดไปจนทำให้การตายน่ากลัว หรือคาดเดาได้ยากเกินกว่าความเป็นจริง…

#ภาวะก่อนเสียชีวิตนั้นแสนทรมาน
> แท้จริงคือลมหายใจที่สงบและรู้สึกเหมือนหลับไป

เสียงรัวในลำคอจากลมหายใจที่พ่นผ่านของเหลว และเสียงหายใจครอก ๆ ดังสนั่นเป็นช่วง ๆ มักจะเกิดขึ้นในวาระสุดท้าย และเราอาจคิดว่านั่นจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน แต่จริง ๆ แล้วอาการเหล่านั้นนับเป็นเรื่องปกติของร่างกาย

เมื่อเข้าใกล้วาระสุดท้าย มนุษย์จะใช้เวลานอนมากขึ้น และมีเวลาตื่นน้อยลงไปเรื่อย ๆ บางครั้งดูเหมือนว่าพวกเขานอนหลับ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาหมดสติไป

การหายใจของพวกเขา บางครั้งก็ลึกและช้า บางครั้งก็ตื้นขึ้นและเร็วขึ้น แล้วต่อมาการหายใจก็จะค่อยๆ ช้าลงจนหยุดไปอย่างแผ่วเบา ไม่มีความเจ็บปวดจู่โจมขึ้นมาในเฮือกสุดท้าย ไม่รู้สึกว่ากำลังจะตาย ไม่มีความตื่นกลัว มีเพียงความสงบ

#ไม่มีใครเลือกจังหวะการตายได้
> ใช่ว่าจังหวะการตายจะเลือกไม่ได้เสมอไป

ในหนังสือเล่มนี้ยกตัวอย่างสถานการณ์ของครอบครัวหนึ่ง ‘เกอร์รี่’ ผู้เป็นพ่อจากไปพร้อมกับเจตจำนงไม่ให้ยื้อชีวิต

ก่อนหน้าเกอร์รี่จะเสียชีวิต ครอบครัวอยู่กับเขาตลอดเวลา นับตั้งแต่ตอนที่เขาหมดสติไป จนถึงแผนกฉุกเฉิน แล้วก็พามาเข้าห้องพัก

เวลาผ่านไปกระทั่งมีจังหวะที่ลูกชายของเขาออกไปกินข้าว และภรรยาของเขาออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก เกอร์รี่ก็เสียชีวิตลงหลังจากมีเวลาอยู่เพียงลำพังนานประมาณสองนาที

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ จนเราจะต้องเตือนคนในครอบครัวและเตือนใจตัวเองเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระบวนการตายถูกยื้อเอาไว้หลายวัน เมื่อได้อยู่ตัวคนเดียวเขาอาจจะสามารถผ่อนคลายเพื่อเข้าสู่ความตายได้ดีกว่าขณะที่มีคนอื่นอยู่ด้วย

#ต้องยื้อชีวิตให้ถึงที่สุด
> ควรรับฟังสิ่งที่เจ้าของชีวิตต้องการ

สำหรับญาติแล้ว การพยายามยื้อชีวิตของผู้เป็นที่รักเอาไว้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่ผู้ป่วยคนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ ยังคงปฏิเสธการใส่เครื่องกระตุกหัวใจ และปฏิเสธการกู้ชีพด้วยการปั๊มหัวใจ

‘แดน’ บอกว่าการทำเช่นนี้ “ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็นการคุ้มครองตัวเอง” นี่เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญและละเอียดอ่อน แดนได้ทบทวนทางเลือกต่าง ๆ อย่างรอบคอบ

และสุดยอดพ่อแม่ของเขาก็ยอมสนับสนุน แม้จะอยากให้ลูกมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด แต่พวกเขาก็ช่วยส่งเสริมให้ลูกมีอิสระแห่งตน

เรื่องราวของครอบครัวนี้ได้ออกอากาศทางวิทยุ ทางโทรทัศน์ ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ และเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย มีผู้คนสอบถามข้อมูลทางเว็บไซต์บริการสุขภาพแห่งชาติประจำภูมิภาคเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า หลังการเปิดเผยถึงแผนการในวาระสุดท้ายของชีวิต อย่างชัดเจน สงบนิ่ง และใจกว้าง

ทางเลือกของแดนได้เปลี่ยนความคิดและสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนมากมาย