รู้จัก จอห์น สเตรเลกกี นักเขียนหนุ่มผู้ออกเดินทางไกลสู่จิตใจตนเอง 

นับถึงปี 2020 หนังสือที่เขียนโดย จอห์น สเตรเลกกี ขายได้มากกว่า 6 ล้ามเล่มทั่วโลก แปลไปแล้วมากกว่า 40 ภาษา และสร้างพลังใจให้คนมาไม่รู้เท่าไรในฐานะนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ

เท่านี้ก็มากพอที่เราจะสมควรทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น

จอห์นเกิดเมื่อ 13 กันยายน 1969 ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา และใช้ชีวิตธรรมดาๆ ในสังคมมาตลอด – ในวัยเลข 2 เขาทำงานหนักเหมือนคนทั่วไป และใฝ่ฝันถึงวันที่จะเติบโตในหน้าที่การงานในอีกสัก 10 ปีข้างหน้า แม้จะแลกมาด้วยความเหนื่อยล้าหรือปัญหาสุขภาพ เขาก็ยอม

แต่เมื่อย่างเข้าวัย 32 จอห์นกลับทิ้งการงานที่เติบใหญ่จนสร้างเม็ดเงินมากมายให้เขา เก็บกระเป๋าแล้วออกไปมองโลกในมุมที่ไม่เคยเห็นเป็นเวลาปีนึงเต็มๆ ซึ่งเป็นหนึ่งปีที่เปลี่ยนเขาไปตลอดกาล

ในการเดินทาง จอห์นได้พบผู้คน สัตว์ สถานที่ และวัฒนธรรมที่เขาเคยพบแค่ในฝันสมัยเด็ก มากกว่านั้นคือเขาได้เรียนรู้ว่าชีวิตคืออะไร โลกนี้กว้างใหญ่แค่ไหน และรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาในตอนนี้เป็นยังไง มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนได้หายใจอย่างเต็มปอดเป็นครั้งแรกในรอบปี

จอห์นเล่าว่า ตอนออกเดินทางได้สักอาทิตย์นึง เขาเขียนบันทึกว่าได้เจออะไรบ้าง ปรากฏว่ามันมีมากกว่าพันเหตุผลที่เขาเขียนอธิบายว่าทำไมทริปนี้มันถึงไร้สาระสิ้นดี แต่เมื่อเวลาผ่านแล้วเขากลับไปอ่านมันอีกครั้ง ก็พบว่าไม่มีเหตุผลข้อไหนในพันข้อที่จริงเลย

หลังกลับจากเดินทางไกลได้ 4 เดือน ไม่รู้อะไรดลใจให้จอห์นนั่งลงเขียนหนังสือ แม้ไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ไม่คิดว่ามันจะต้องดีงามยิ่งใหญ่ หรือคิดว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล แค่รู้สึกว่า อยากเขียนต้องได้เขียน!

กลายเป็นหนังสือเล่มแรกของเขา ‘The Cafe on the Edge of the World’ (หรือ ‘The Why Cafe’ นั่นแหละ) ว่าด้วยการค้นพบคาเฟ่ประหลาดขณะหลงทาง คาเฟ่นี้ไม่เพียงมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ ยังมี 3 คำถามซ่อนอยู่หลังเมนู เป็นคำถามที่นำไปสู่คำตอบที่ไม่คาดคิด และพาไปพบเป้าหมายจริงๆ ของชีวิต ที่เคยหาเท่าไรก็ไม่เจอ – จอห์นเขียนมันเป็นนิยาย โดยตั้งชื่อให้ตัวละครเอกของเรื่องว่า จอห์น

เขาพิมพ์เองขายเองโดยไม่มีสำนักพิมพ์สังกัด จนขายได้ราวๆ 1,000 เล่ม ถึงได้เซ็นสัญญาและพิมพ์ใหม่กับสำนักพิมพ์ชื่อ Literary Agent จากนั้นหนังสือก็เริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับการแปลเป็นภาษาอื่น ก่อนไปขึ้นชาร์ตขายดีที่สิงคโปร์เป็นที่แรก ตามด้วยไต้หวัน แล้วจึงกลายเป็นหนังสือ Best Seller ในหลายๆ ประเทศที่พิมพ์ ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา

จอห์นยังออกหนังสือเล่มอื่นอีกหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น The Big Five for Life, Life Safari, Return The Cafe of the Edge of the World, AHAS! – Moments of Inspired Thought, The Big Five for Life Continued หรือ How to be Rich and Happy ซึ่งล้วนทำหน้าที่เยียวยาหัวใจคนอ่านที่กำลังเหนื่อยล้า ในแบบที่ใกล้เคียงกับเล่มแรก

ตอนเด็กๆ หนังสือที่จอห์นโปรดปรานที่สุดคือแนวผจญภัย เพราะเขาอยากเป็นนักผจญภัย และก็ได้เป็นสมใจเมื่อตอนตัดสินใจแบ็คแพ็ครอบโลก

แต่เมื่อมาเป็นนักเขียน จอห์นก็ได้พบสิ่งที่ทำให้หัวใจของนักผจญภัยอย่างจอห์นได้รับการเติมเต็มยิ่งกว่าการค้นพบอะไรสักอย่าง

นั่นคือเวลาได้ยินจากปากคนอ่านว่า หนังสือของเขาทำให้มีแรงฮึดสู้ในหนทางที่ตัวเองกำลังผจญภัยอยู่ – นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้จอห์นยังออกผจญภัยในเส้นทางสายนักเขียนมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน