เริ่มแล้ว! แผนปี 2030 ของแบรนด์ระดับโลก

Published : ธันวาคม 2, 2022 | Blog | Editor :

ในแต่ละทศวรรษโลกจะขยับไปข้างหน้าแบบก้าวกระโดดเสมอ แต่ก้าวสำคัญที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกำลังจะมาถึงแล้วในปี 2030 โรคระบาดเป็นเหมือนตัวเร่งให้ทุกคนรู้ว่าต้องปรับตัวและช้าไม่ได้อีกต่อไป
ไม่ว่าจะธุรกิจอาหาร การท่องเที่ยว การเงิน การศึกษา การขนส่ง สภาพอากาศ ฯ ทุกวันนี้วิถีชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว โลกสามารถเกิดวิกฤตได้ทุกเมื่อ ในแต่ละก้าวเราจึงต้องรัดกุมและรอบคอบให้มากกว่าเดิม และนี่คือตัวอย่างแผนการของแต่ละแบรนด์ใหญ่ที่กำลังปรับตัวไปสู่อนาคตที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกลายมาเป็นเรื่องใหญ่บนเวทีโลก การเดินทางที่ปล่อยมลพิษออกมาทุกวัน รวมถึงราคาน้ำมันที่พุ่งพรวดทำให้หลายคนมองหารถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกแรกๆ

แบรนด์รถยนต์ส่วนใหญ่จึงออกมาประกาศเป้าหมายที่จะทำให้ได้ภายในปี 2030
Volvo จะเลิกใช้หนังสัตว์เป็นส่วนประกอบรถยนต์ และจะให้วัสดุ 25% ในรถสามารถนำมารีไซเคิลได้ นี่เป็นแผนการต่อยอดแผนขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนภายในปี 2030
Audi วางแผนเลิกผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายใน เพื่อมุ่งหน้าสู่การผลิตรถไฟฟ้า และนวัตกรรมอื่นๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค
Mercedes-Benz ลงทุน 40,000 ล้านยูโร มุ่งหน้าขายรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2025 ยอดขาย 50% จะมาจากรถยนต์ไฟฟ้า
Lamborghini จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกก่อนปี 2030 วึ่งน่าจะช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Ferrari 

โค้กกับการตั้งเป้าหมาย Zero Waste ภายในปี 2030

ในฐานะบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก Coca-Cola รู้ดีว่าแบรนด์มีส่วนต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยวางแผนไว้ว่าภายในปี 2025 บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดต้องสามารถรีไซเคิลได้ 100% และใช้วัสดุรีไซเคิล 50% สำหรับขวดและกระป๋องภายในปี 2030
รวมถึงการจำหน่ายเครื่องดื่มผ่านตู้เติมของบริษัท เพื่อลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ในปี 2021 โค้กยังได้ทดลองใช้ขวดกระดาษเป็นบรรจุภัณฑ์ครั้งแรกด้วย 

ในปี 2021 หน่วยงานกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ California Air Resources Board (CARB) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้แอปพิลเคชันบริการเรียกรถอย่าง Uber หรือ Lyft เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 90% ภายใน 2030

ทั้งสองบริษัทเห็นด้วย แต่รัฐบาลเองก็ต้องมีนโยบายในการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ด้วย เช่น สถานีชาร์จไฟ
และมันยังเป็นความท้าทายใหญ่ของธุรกิจด้วย เพราะคนขับรถรายได้ปานกลางไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ เนื่องจากราคารถ นี่จึงเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการลงทุนของธุรกิจ ซึ่งด้าน Uber ทุ่มเงินไปกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการพยายามทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น 

Apple เดินหน้าใช้พลังงานสะอาดในการผลิต ทางบริษัทวางแผนไว้ว่าภายในปี 2030 ซัพพลายเชนและผลิตภัณฑ์ต้องมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และอุปกรณ์ทั้งหมดที่จำหน่ายจะต้องมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเป็นศูนย์
บริษัทได้เพิ่มโครงการอีกหลายโครงการ เพื่อนำโซลูชั่นด้านพลังงานสะอาดมาสู่ชุมชน สนับสนุนนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเต็มกำลัง 

แท็ก


Related Content