Editors’ Picks แนะนำหนังสือเข้าบ้านนักอ่าน จากบรรณาธิการสำนักพิมพ์

Dune หรือในชื่อไทย “มหาศึกแห่งดูน” คือนิยายไซ-ไฟระดับวรรณกรรมชิ้นเอกของโลก เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อจักรพรรดิพาดิชา มีบัญชาให้ดยุคเลโท อะเทรดีส เชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ สละดาวคาลาดานเพื่อไปครองบัลลังก์บนดาวดวงใหม่ที่ชื่ออาร์ราคิส และเมื่อตระกูลอะเทรดีสเข้าปกครองดาวอาร์ราคิสได้ไม่นาน ก็เกิดการทรยศหักหลังอันนำมาซึ่งการสู้รบที่เต็มไปด้วยการยุทธ์และเล่ห์กลอันระทึกระหว่างตระกูลคู่แค้นสองตระกูลนี้ จนนำพาตัวละคร พอล อะเทรดีส ให้ต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องราวปลีกย่อยและตัวละครอีกมากมาย

เล่มนี้เหมาะกับนักอ่านทุกเพศทุกวัยที่ชอบอ่านนิยายจากฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะผู้ที่ชอบอ่านนิยายแนวไซ-ไฟ, แฟนตาซี รวมถึงผู้ที่ชอบนิยายแนว Political Thriller หรือแนวขับเคี่ยวทางการเมืองเหมือนใน Game of Thrones ก็น่าจะอ่านได้อย่างสนุกมาก

ต้องบอกว่าก่อนอ่านตัวเองรู้สึกกังขากับความสนุกของมันพอสมควร เนื่องจากนิยาย Dune ถูกเขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี 1965 เรียกได้ว่าเป็นนิยายที่เก่าพอสมควร จึงไม่ค่อยแน่ใจว่าเมื่อมาอ่านในปี 2021 เรื่องราวมันจะยังคงสนุกอยู่หรือเปล่า ประกอบกับว่านี่คือนิยายไซ-ไฟซึ่งไม่ค่อยได้อ่านมากนักอยู่แล้วด้วยจึงกลัวว่าจะไม่อินเท่าไหร่

แต่เมื่อได้อ่านก็ต้องบอกว่า “วางไม่ลง” เลย แม้ว่ามันจะถูกเขียนขึ้นมาตั้งนานมากแล้ว แต่พล็อตเรื่องกลับไม่โบราณ และด้วยการเดินเรื่อง ด้วยบทสนทนาที่เฉียบคมทำให้รู้สึกสนุกไปกับมันมากๆ ยิ่งเรื่องราวมีความเป็นการเมืองที่รูกันอยู่ว่าหักหลังกันได้ตลอดเวลา มันจึงอวลไปด้วยความไม่น่าไว้ใจในเรื่องคนทรยศเจือไปตลอดทั้งเรื่อง เราเลยสงสัยในตัวละครตัวนั้นตัวนี้อยู่ตลอดเวลาว่ามันจะมีแผนอะไรในใจหรือเปล่า ทำให้อ่านไปก็ระทึกในใจไป อยากรู้ว่าเดี๋ยวจะมีใครทรยศ หันมีดมาเสียบพระเอกไหม แล้วยิ่งเมื่อฝ่ายตัวร้ายดูจะกุมความได้เปรียบทุกอย่างเอาไว้ในมือ พวกพระเอกจะสู้ได้อย่างไร และเรื่องมันจะไปลงเอยที่ไหน ประกอบกับมีความหักมุมไปตลอดทั้งเรื่อง การอ่านนิยายเรื่องนี้จึงเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ สนุกมาก และเยี่ยมยอดคุ้มกับเวลาที่เสียไปเลย

โควทที่ชอบมากคือ “แผนการ ในแผนการ ในแผนการ” ที่ตัวละครฝ่ายพระเอกจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่าฝ่ายฮาร์คอนเนนนั้นเจ้าเล่ห์ขนาดไหน และมันก็สามารถนำมาเป็นธีมหลักของเรื่องที่เต็มไปด้วยแผนการอันแยบยลของ Dune ได้เลย แต่ชอบบทสวดพิชิตความกลัวของเบเนเจสเซริตมากกว่านิดหน่อย เพราะดูเหมือนเราน่าจะสามารถเอามาใช้สวดเวลากลัวบางอย่างได้ด้วย เอามาโพสต์ไว้ให้ได้อ่านกันด้วยด้านล่างครับ

“ข้าจักไม่กลัว เพราะความกลัวคือสิ่งสังหารจิตใจ
ความกลัวคือความตายย่อมๆ ที่ชักนำความสิ้นสูญ
ข้าจักเผชิญความกลัว
ปล่อยมันไหลท่วมท้นและไหลผ่านตน
เมื่อพ้นผ่านข้าจักใช้ดวงตาภายในมองดูเส้นทางนั้น
ที่ซึ่งความกลัวเคยไหลบ่าจะกลับว่าง เหลือแต่ข้าที่ยังอยู่”

เล่มที่อยากแนะนำคู่กัน : นิยายเรื่องดูนเป็นนิยายไซ-ไฟเรื่องแรกของสำนักพิมพ์ จึงน่าจะยังไม่มีแนวเดียวกันให้แนะนำ แต่ก็อยากถือโอกาสแนะนำ The Midnight Library หรือในชื่อไทย “มหัศจรรย์ห้องสมุดเที่ยงคืน” ให้ทุกคนได้อ่านก็แล้วกัน เรื่องราวของทั้งสองเล่มไม่เหมือนกันเท่าไหร่ แต่ในแง่ของยุคสมัยแล้ว ผมคิดว่านิยายทั้งสองเรื่องนี้เหมือนกันตรงที่เป็นนิยายขึ้นหิ้งคลาสสิกในยุคของตนได้อย่างเต็มปากเลย น่าอ่านทั้งสองเล่มเลยครับ!