สำรวจจักรวาลสมมติในนวนิยาย “สิ่งที่หลงเหลือไว้ในจักรวาล (Bewilderment)

Published : พฤศจิกายน 21, 2023 | Blog | Editor :

นวนิยายเรื่อง ‘สิ่งที่หลงเหลือไว้ในจักรวาล’ มีจักรวาลเป็นของตนเอง

เรื่องราวของสิ่งแวดล้อม ปรากฎการณ์ธรรมชาติ ดาวเคราะห์ดวงต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตชนิดหายาก รวมทั้งเทคโนโลยีที่ดูเหนือจริง ซึ่งรายละเอียดมีทั้งส่วนที่เป็นเรื่องจริงและจินตนาการขึ้นเอง

เรียกได้ว่า ผู้เขียนสามารถผสมผสานเสน่ห์ของ Fiction และ Non-fiction ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ทำให้จักรวาลของนิยายเล่มนี้น่าตื่นตา สวยงาม และน่าค้นหา

เราจึงหยิบเอาเสน่ห์บางช่วงตอนที่บรรยายไว้ในนิยายมาโชว์พลังจินตนาการให้ทุกคนได้สัมผัสกัน

“ผมมีชีวิตอยู่ในช่วงที่มีการปฏิวัติทางความคิดครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของมนุษย์ ​ไม่กี่ปีก่อนหน้านั้นนักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า พวกเขาคงมีชีวิตอยู่ไม่ทันได้เห็นการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ เมื่อถึงตอนที่ผมเรียนปริญญาโทมาได้ครึ่งทาง ดาวเคราะห์ที่รู้กันว่ามีอยู่แปดหรือเก้าดวง ก็กลายเป็นหลายสิบ และหลายร้อยดวง…เอกภพเปลี่ยนแปลงจากการภาคการศึกษาหนึ่งสู่ภาคการศึกษาถัดไป เราทำอย่างนั้นได้ ชาวโลกอย่างเรา ๆ นี่ละครับ”

– ทีโอ เบิร์น นักชีวดาราศาสตร์

เอกภพกว้างใหญ่และเก่าแก่กว่าที่ใครจะจินตนาการ

ในจักรวาลของนิยาย ‘สิ่งที่หลงเหลือไว้ในจักรวาล’ มีจำนวน ‘ดาวฤกษ์’ มากพอ ๆ กับผลคูณระหว่าง ทรายทุกเม็ดบนโลก และ จำนวนต้นไม้ทุกต้นบนโลก

นั่นคือประมาณหนี่งแสนล้านล้านล้านล้านดวง

ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งชื่อว่า ดาวเคราะห์ดเวา
ดเวาน่าสนใจมากเพราะมีขนาดและความอบอุ่นพอ ๆ กับโลก

มีภูเขา ที่ราบ และน้ำผิวดิน มีบรรยากาศเป็นชั้นหนาพร้อมด้วยเมฆ ลม และฝน แม่น้ำกัดเซาะหินเป็นทางสายใหญ่ซึ่งลำเลียงตะกอนสู่ทะเลที่มีคลื่นซัดขึ้นลง

ดเวาแทบจะสมบูรณ์ไร้ที่ติ โคจรรอบดาวฤกษ์ชนิดที่ใช่ในระยะห่างพอเหมาะ มีภูเขาไฟ มีสนามแม่เหล็กกำลังแรงเอื้อต่อการมีวัฏจักรคาร์บอนที่เสถียร และอุณหภูมิคงที่

มองเผิน ๆ มันดูคล้ายโลกมาก ทว่าบนชายฝั่งหินแดงระเกะระกะที่เรายืนอยู่ ทั่วทั้งภูมิประเทศนั้นนไม่มีพืชพรรณใด ๆ ขึ้นอยู่…มันอายุมากกว่าโลกสามเท่า และเป็นภูมิประเทศที่เสื่อมสภาพเรียบร้อยแล้ว

เดกเนฟ (DecNef – Decoded Neurofeedback) หรือ การถอดรหัสการให้ข้อมูลป้อนกลับทางประสาท

ในการทดลองจะผู้เข้าร่วม 2 กลุ่ม
กลุ่ม 1 คือ “กลุ่มเป้าหมาย” ที่ต้องเข้าสู่สภาวะทางอารมณ์แบบใดแบบหนึ่ง เช่น หวาดกลัว โศกเศร้า โกรธ ฯลฯ เพื่อให้เครื่องสแกนสมองของพวกเขาแล้วบันทึกข้อมูลคลื่นสมองไว้

กลุ่ม 2 คือ “ผู้เข้ารับการฝึก” ซึ่งจะเข้าไปในเครื่องสแกน แล้วเครื่องจะใช้ AI ติดตามตรวจสอบกิจกรรมทางประสาทของคนกลุ่ม 1 มาชี้นำให้คนกลุ่ม 2 รับรู้ จินตนาการ หรือสัมผัสเรื่องราวตามคนกลุ่ม 1

เดกเนฟมีอยู่จริง แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก และเน้นการใช้ข้อมูลสแกนสมองที่สังเคราะห์ขึ้นหรือจากสมองตัวเอง ไม่ใช่การถ่ายทอดคลื่นสมองจากคนอื่นเหมือนที่มีในนวนิยายเรื่องนี้

เดกเนฟมีประโยชน์ในการรักษาอาการทางจิตเวช เช่น PTSD หรือกลุ่มอาการออทิสติก โดยเดกเนฟช่วยรักษา ‘โรบิน’ ตัวละครเอกผู้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคออทิสติกนั่นเอง

นกโรบินคือนกชนิดโปรดของครอบครัวเบิร์น โดยเฉพาะเอลีผู้เป็นแม่ เจ้านกสีน้ำตาลตัวเล็ก ๆ มีปื้นสีแดงอมส้มน่าอัศจรรย์ ดูแปลกตาเมื่อมองผ่านกล้องส่องทางไกล

และมันได้กลายมาเป็นชื่อของเด็กชายโรบิน ลูกชายผู้เป็นอัจฉริยะของครอบครัวนี้

ดวงจันทร์ทีเดียเรียบง่าย ไร้สิ่งมีชีวิต
อันที่จริงดวงจันทร์ทีเดียเคยเป็นดาวเคราะห์มาก่อน

ในครั้งแรกที่ดาวเคราะห์ทีเดียสิ้นอายุขัย ดาวหางดวงหนึ่งฉีกทึ้งมวลหนึ่งในสามของดาวเคราะห์ดวงนี้ออกไป และทำให้มันกลายเป็นดวงจันทร์ทีเดียแทน ไม่มีอะไรบนดวงจันทร์ทีเดียรอดชีวิต

ต้องรอเวลาอีกกว่าหลายสิบล้านปี บรรยากาศบนดวงจันทร์จึงค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง สายน้ำกลับมาไหลริน และสิ่งมีชีวิตก็อุบัติขึ้น ทำให้ทีเดียเริ่มต้นอีกครั้งในนามของดาวเคราะห์ในที่สุด

มีคนค้นพบสิ่งมีชีวิตประหลาดในหลุมยุบใต้ทะเลสาบฮูรอนโดยบังเอิญ

ใต้ทะเลสาบนั้นมีสภาพแวดล้อมที่แย่เกินกว่าสัตว์ชนิดใดจะรอดชีวิต สิ่งมีชีวิตที่มีความคิดสร้างสรรค์พิสดารที่สุดชนิดนี้กลับรอด ระหว่างการสังเคราะห์แสงที่ปราศจากออกซิเจนไปเป็นการสังเคราะห์แสงที่ผลิตออกซิเจนเมื่อกำมะถันอันโอชะหมดไป มันใช้ชีวิตแบบสองขั้ว

ชีวเคมีเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งมีชีวิตเข้ามาควบคุมและปั้นแต่งดาวเคราะห์ที่ไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิตให้เอื้อต่อการมีชีวิตรอดมากขึ้นได้

ดาวเจมินัสมีอาณาจักรน้ำแข็ง และอาณาจักรไฟอยู่บนนั้น

สองอาณาจักรอยู่คนละฝั่งเส้นเมริเดียน
– อาณาจักรน้ำแข็งหนาวสุดขั้ว สายลมพัดโหมกระหน่ำ มีกลางคืนอันเหน็บหนาวที่ไม่มีวันสิ้นสุด
– อาณาจักรไฟร้อนระอุ หากยืนอยู่ที่นี่คุณจะมองเห็นดวงตะวันเสมอ พร้อมแสงแดดที่แผดเผาอยู่ตลอดเวลา ไปตลอดกาล

สิ่งมีชีวิตทั้งอาณาจักรคือสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดมากพอจะเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมเลวร้าย และต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีวันเข้าใจการดำรงอยู่ของอีกฝ่าย

ที่สภาพแวดล้อมบนดาวเจมินัสเป็นเช่นนี้ ก็เพราะเจมินัสโคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ของมันเสียจนมันหมุนรอบตัวเองเป็นเวลาเท่ากับที่โคจรครบรอบนั่นเอง

แท็ก


Related Content