“จงเดินอย่างมั่นใจไปตามทิศทางความฝันของคุณ” ธอโรกล่าวไว้

ก่อนที่นอรา ซีด จะกลายเป็นหญิงสาวที่ไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้กับชีวิต จริงๆ เธอมีความฝันหลายต่อหลายอย่างที่อยากทำ เธอเคยว่ายน้ำอย่างแข็งขัน เธอเคยเล่นดนตรีกับพี่ชาย เธอเคยมีความรักที่หวานฉ่ำ เธอเรียนจบปริญญาด้านปรัชญา และอะไรต่อมิอะไร แต่วันหนึ่งมันก็จบลง และพาเธอตื่นขึ้นมาในห้องสมุดเที่ยงคืน
ห้องสมุดขนาดใหญ่มีหนังสือวางเรียงรายสุดสายตา ห้องสมุดนี้แหละที่จะมอบโอกาสในการใช้ชีวิตให้เธออีกครั้ง
ในตอนที่นอรอยังมีชีวิต เธอเป็นนักอ่านตัวยง การตื่นมาในห้องสมุดอาจมีนัยยะบางอย่างก็ได้ นอราอ่านทั้งหนังสือปรัชญา วรรณกรรม สารคดี ชีวประวัติ ฯ ชั้นวางหนังสือของเธอเต็มไปด้วยเรื่องราว เธอรักการอ่าน มันมอบความปลอดภัยและความสนุกสนานให้กับเธอ
จากหนังสือหลายเล่มที่เธอเอ่ยถึง เราคัดมาสี่เล่มที่อยากแนะนำ เผื่อว่าเราจะได้รู้จักกับนอราให้มากขึ้นผ่านหนังสือเหล่านี้

Walden เฮนรี่ เดวิด ธอโร

วอลเดน หนังสือที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเล่มหนึ่งของเฮนรี่ เดวิด ธอโร และเป็นหนังสือทรงอิทธิพลต่อนักคิดนักเขียนรุ่นหลัง ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1854
ในปี ค.ศ.1845 ขณะที่ธอโรอายุ 27 ปี เขาไปอาศัยอยู่ในป่า เมืองคองคอร์ด รัฐแมสซาชูเซ็ทส์ ที่ดินผืนนั้นเป็นของง ราล์ฟ วอลโด อีเมอร์สัน เพื่อนกวีของธอโร ระหว่างที่อยู่ที่นั่นกิจวัตรประจำวันของเขามีเพียงการใช้แรงงาน อ่านหนังสือ และจดบันทึก เขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 2 ปี 2 เดือน กับอีก 2 วัน และบันทึกทั้งหมดก็ออกมาเป็น “วอลเดน”
วอลเดน พูดถึงการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ธอโรบรรยายถึงน้ำในทะเลสาบในช่วงเวลาต่างๆ ของปี บรรยายถึงนกและสัตว์ที่อาศัยอยู่แถวนั้น เขามีความสนใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องของธรรมชาติ นั่นจึงนำไปสู่การสังเกตอย่างละเอียดทั้งโลกภายนอกและโลกภายใน เขาหวังเพียงว่าจะทำความเข้าใจชีวิตได้มากขึ้นเท่านั้นเอง

Republic เพลโต

รีพับลิก หนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของเพลโต นักปรัชญาในสมัย 427-347 ปี ก่อนคริสตศักราช งานชิ้นนี้พูดถึงสังคมในจินตนาการที่สมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยทฤษฎีในทางการเมือง การศึกษา ศิลปะ วิทยาการ วรรณคดี และลัทธิศาสนา
บทสนทนาและการถกเถียงจะท้าทายความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ที่เราอาจเคยเห็นหรือได้ยิน ชวนให้เกิดข้อคิดวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับระบอบการปกครองที่ดีที่สุด รัฐในอุดมคติของเพลโตจะถูกเบื้องบนควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อให้สังคมมีแต่ความเจริญและดีงาม สภาวะนี้เทียบได้กับรัฐเผด็จการ แต่แม้กาลเวลาจะผ่านมานานนับพันปี ทฤษฎีของเขาก็ยังคงถูกพูดถึง

Great Expectations ชาร์ลส์ ดิกเคนส์

ชาร์ลส์ ดิกเคนส์ นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษที่มีผลงานตีพิมพ์ออกมามากมาย เขาเริ่มเขียนงานวรรณกรรมจากการเขียนลงหนังสือพิมพ์รายเดือน งานของเขาสะท้อนวามเลวร้ายและความอยุติธรรมของสังคมอังกฤษในศตวรรษที่ 19
Great Expectations หรือ แรงใจและไฟฝัน เป็นงานที่ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่าเรื่องของพิพ เด็กชายกำพร้า เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวของพี่สาวในหมู่บ้านเล็กๆ เขาเป็นเด็กที่เติบโตมาด้วยความรู้สึกผิดต่อสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักมีความรู้สึกไม่ดีติดอยู่ข้างใน กระทั่งโชคชะตาพาพิพไปพบกับสาวงาม เอสเตลลา ชีวิตอของเขาจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป
นอกจากเรื่องความรักแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีสิ่งที่ดิกเคนส์สะท้อนถึงอยู่เสมออย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องการแบ่งแยกชนชั้น ความจน คุณงามความดี และความยากลำบากของชีวิต

The Bell Jar ซิลเวีย แพลท

ซิลเวีย แพลธ กวีและนักเขียนชาวอเมริกัน เธอหลงรักงานเขียนและงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ตอนอายุ 8 ขวบก็มีโอกาสได้ตีพิมพ์บทกวี และก็เป็นช่วงอายุนั้นเองที่พ่อของเธอจากไป ซึ่งมันส่งผลกระทบมากมายในชีวิตเธอ
The Bell Jar หรือ ในกรงแก้ว เป็นผลงานเขียนกึ่งชีวประวัติ เล่าเรื่องของเอสเธอร์ กรีนวูด บัณฑิตสาวอนาคตไกล แต่เธอกลับติดอยู่ในกรงขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอาการซึมเศร้า ซึ่งเกิดจากความเคี่ยวเข็ญและความคาดหวัง เธอรู้สึกแปลกแยกกับทุกสิ่งทุกอย่าง เธอเกลียดมัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหนได้ หรือหากมีหนทางหนี เธอจะหนีมันได้ตลอดไปจริงไหม
ก่อนหนังสือเล่มนี้จะได้ตีพิมพ์ ซิลเวียประสบกับความโหดร้ายในชีวิตนับไม่ถ้วน เธอพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง เธอเจ็บปวดจากการสูญเสีย เธอรู้สึกเสมอว่าไม่มั่นคง จนที่สุดแล้วเธอก็จากไปในวันหนึ่ง