เหตุผลที่ทำให้นิยายแฟนตาซีตราตรึงอยู่ในใจเสมอ

Published : พฤศจิกายน 29, 2024 | Blog | Editor :

ตั้งแต่เรายังเด็กจนเป็นผู้ใหญ่  

หากใครยังจำได้ ยุคหนึ่งนิยายแฟนตาซีถือเป็น genre แรก ๆ ที่คนจะนึกถึงเมื่อเอ่ยถึงงานวรรณกรรมทั้งไทยและเทศ 

เรื่องราวการผจญภัย เดินทางต่อสู้ เวทมนตร์คาถา สัตว์วิเศษ หลายเรื่องโด่งดังมากจนกลายเป็นตำนานไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องเพชรพระอุมา , ภัยมหากาฬ , ไซอิ๋ว , อาหรับราตรี , The Odyssey , The King Arthur Trilogy , Lord of The Ring ฯลฯ และอีกสารพัดเรื่องจะกล่าวชื่อ

ซึ่งหลังจากลองส่อง Google Trends ของไทยดู เราพบว่าในช่วงปี 2013 – 2018 มีคำค้นหาเกี่ยวกับนิยายแฟนตาซีอยู่เรื่อย ๆ แม้จะไม่ได้ความสนใจเยอะเท่ายุคก่อนแต่ก็มีตลอดมาจนถึงปัจจุบัน (Google Trends แค่อย่างเดียวไม่สามารถอธิบายกระแสหรือทิศทางของงานวรรณกรรมได้ครอบคลุมและละเอียด แต่สนุกดีค่ะ ลองไป Search เล่น ๆ กันดูได้) 

ต่อให้เรื่องที่อ่านไม่ได้อยู่บนฐานคิดของความเป็นจริง แต่นิยายแนวนี้กลับสร้างความผูกพันให้ผู้อ่านได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เหมือนเวลาเราอ่านมังงะหรือดูอนิเมะ แล้วอยากแต่งคอร์สเพลย์ตาม 

มีหลายเหตุผลที่ทำให้นิยายประเภทนี้ชนะใจคนอ่าน และตราตรึงอยู่ในใจเสมอมา แม้เราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม เราลองแบ่งออกมาเป็น 5 หัวข้อหลัก ๆ ค่ะ  

1 — #สนุกตื่นเต้นโดยไม่ต้องลงแรงผจญภัยเอง

นิยายแฟนตาซีสร้างอารมณ์ดุเดือด ตื่นเต้น มีพลัง และพร้อมที่จะลุย โดยทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้กระบวนการแสนปลอดภัยนั่นก็คือ โลกจินตนาการ เราไม่สามารถขี่มังกรได้ในชีวิตจริง หรือต่อให้มีมังกรให้ขี่ เราก็คงตกลงมาตายได้ง่าย ๆ 

จินตนาการทำให้เราได้สำรวจโลกที่ใหญ่โต กว้างใหญ่ และอันตรายเกินจริง แต่ไม่สร้างบาดแผลทางร่างกาย 

หรือพูดอีกอย่างคือ เราสามารถหลีกหนีความจริงเข้ามาอยู่ในตัวอักษรที่พาเราท่องเที่ยวโลดแล่น โดยไร้เงื่อนไขอันน่าหวาดระแวงของโลกจริง (เจ็บป่วย ทำงานหนัก ฯลฯ) นั่นเอง 

2 — #มีความหวังและความสุขหลังเอาชนะอุปสรรค

แม้นิยายแฟนตาซีจะดูโลดโผน แต่มันไม่ได้ลดทอนความโศกเศร้าและความเจ็บปวด เพราะความล้มเหลวและพ่ายแพ้ของตัวละครจะนำไปสู่ความรู้สึกยินดีเมื่อได้รับชัยชนะในตอนท้าย 

หากตัวละครสามารถข้ามทะเลทรายอันแห้งแล้งและภูเขาน้ำแข็งแสนโหดร้ายเพื่อกอบกู้มนุษยชาติ  เราก็สามารถผ่านด่านทดสอบยาก ๆ ของชีวิตได้ 

นิยายแฟนตาซีบอกกับเราว่า ไม่ว่าชีวิตจะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง เราก็ยังคงมีความหวังเสมอ ทำให้เรากล้ามีฝันที่ยิ่งใหญ่ และแสดงให้เห็นว่าเรามีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องแย่ให้กลายเป็นดี

3 — #ช่วยเหลือและเห็นอกเห็นใจกัน 

ยิ่งประสบการณ์ของตัวละครลึกซึ้งและเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ส่วนตัวของผู้อ่าน ผู้อ่านก็จะยิ่งตั้งความหวังว่าพวกเขาในนิยายจะประสบความสำเร็จ ผ่านพ้นอุปสรรคไปด้วยดี 

เมื่อเราได้เห็นเพื่อนพ้องที่ช่วยเหลือกัน แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อกันเพื่อเอาชนะปัญหาไปด้วยกันจนถึงตอนจบ จึงทำให้เรา (ที่มีเรื่องมิตรภาพอยู่ในโลกจริงเช่นกัน) เห็นอกเห็นใจพวกเขา และผูกพันกับตัวละครเสมือนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ 

4 — #จินตนาการที่ทำให้เข้าใจความเป็นจริง

นิยายแฟนตาซีมักตั้งคำถามว่าความกล้าหาญ รากของอำนาจ และจริยธรรมคืออะไร เต็มไปด้วยการอุปมาอุปไมยเพราะผู้เขียนมักอิงจินตนาการจากเรื่องจริง เบื้องหลังเวทมนตร์และสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงมักทำให้เราคำนึงถึงความพยายามในการเอาชีวิตรอดของมนุษยชาติที่ผ่านมาในแต่ละยุคสมัย 

โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ โลกสมมติช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างความรู้ ความเป็นจริง และประสบการณ์เหนือจริง ส่วนผสมเหล่านี้มักกลายมาเป็นกลไกรับมือหรือทำความเข้าใจความเป็นจริงของโลก

5 — #โลกสมมติน่าตื่นตา 

โลกสมมติน่าตื่นตาและมีอิทธิพลต่อหัวใจของผู้อ่าน ในโลกสุดอัศจรรย์ใจ ผู้เขียนสามารถควบคุมและสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อจำกัด ทำให้เราได้มองเห็นโลกในมุมของคนอื่น (ผู้เขียน) และมองเห็นความรู้สึกนึกคิดจิตใจของคนอื่น ๆ ด้วย

สำหรับนิยายแฟนตาซีเรื่องล่าสุดของ Biblio นั่นคือ ‘ราชันกวาง’ มหากาพย์แฟนตาซีตะวันออก ว่าด้วยการผจญภัยเพื่อไขปริศนาในอาณาจักรโบราณ เป็นอีกเล่มที่เหมาะกับคนชอบนิยายแฟนตาซีญี่ปุ่น มีฉากสวยงามอลังการ และเรื่องสืบสวนนิด ๆ ให้เราได้ลุ้นระทึก 

‘ราชันกวาง’ มี 1 – 4 เล่มจบ ใครสนใจทดลองอ่านได้ทางเว็บไซต์ของสนพ. นะคะ 

_________

ข้อมูล : 

https://www.theguardian.com/books/booksblog/2007/apr/23/bridgingthegapswhyweneed

แท็ก


Related Content