เมื่อฝันสลายจนหมดไฟในชีวิต อาจมีบางวันที่การข่มตาให้หลับไม่ใช่เรื่องง่าย และเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะฝัน

“ร้านมหัศจรรย์สำหรับคนไม่หยุดฝัน” นวนิยายแฟนตาซีเยียวยาจิตใจที่ครองใจผู้อ่านชาวเกาหลีนับล้าน รวมถึงแฟนนักอ่านชาวไทยหลายต่อหลายคน เดินทางมาสู่เล่ม 2 แล้ว ในชื่อตอน “ตามหาลูกค้าที่หายไป” เป็นเรื่องราวหลังจากที่เพนีทำงานเป็นพนักงานขายที่ “ห้างสรรพสินค้าขายความฝันดัลเลอร์กู้ท” ครบหนึ่งปีพอดี แม้ว่าเพนีจะคุ้นเคยกับการทำงานพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังคาดหวังว่าจะได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ ได้มองเห็นโลกที่กว้างไกลขึ้นกว่าเดิม และยังคิดอยู่เสมอว่าเธอจะช่วยให้ลูกค้านอนหลับฝันอย่างเต็มอิ่มได้อย่างไร

และในเล่มนี้ เพนีก็มีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนของลูกค้า และช่วยตามหาลูกค้าประจำที่จู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไป พวกเขาหายไปไหน และเพราะอะไรจึงไม่อยากฝัน

เรื่องราวในนวนิยายแฟนตาซีภาคต่อนี้ยังเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของเหล่าผู้สร้างความฝันและผู้คนที่ยังมีความฝันเช่นเคย ในหนังสือเล่มแรกนั้นนำเสนอเรื่องราวน่าอัศจรรย์ของความฝัน แต่ในเล่มนี้เราจะได้พบกับด้านมืดของความฝัน ผ่านเรื่องราวร้องเรียนของเหล่าลูกค้าประจำ ซึ่งบางคนพยายามทุ่มเทเต็มที่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง บางคนก็สูญเสียตัวตนและเป้าหมายของการมีชีวิต บางคนก็โชคร้าย ถูกพรากแม้กระทั่งความฝันซึ่งเป็นเพียงกำลังใจหนึ่งเดียวในชีวิตไป ผู้คนเหล่านี้จึงเสพติดการนอนหลับเพื่อตัดขาดจากทั้งโลกแห่งความจริงและความฝัน

หลายคนคงเคยมีช่วงเวลาที่หมดพลังจนอยากจะนอนเฉยๆ เคว้งคว้างอยู่ในความคิดที่ว่างเปล่าสับสน แม้จะนอนยาว แต่ก็ไม่หายเหนื่อย ได้แต่รอให้มีแรงพอจะลุกขึ้นไปใช้ชีวิตอีกครั้ง ข้าวของเมื่อพังเสียหายอาจซ่อมแซมใหม่ได้ แต่ใจพังอาจซ่อมแซมไม่ง่ายและต้องใช้เวลา คงจะดีไม่น้อยหากมีมือของใครสักคงฉุดดึงผู้คนเหล่านี้ขึ้นมาจากห้วงความคิดที่มืดมนสับสน

“ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอก อาการหมดพลังเป็นเรื่องที่ใครก็เป็นได้ ฉันก็มีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน แต่ยิ่งเป็นแบบนี้เรายิ่งต้องยื่นมือช่วยก่อนไม่ใช่เหรอ”

โดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีรสชาติที่เข้มข้นขึ้นกว่าเล่มแรก ปัญหาของผู้คนที่ประสบกับอาการไม่อยากฝันก็เป็นประเด็นที่ใกล้ตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังเปี่ยมถ้อยคำปลอบโยนใจ และลงท้ายให้เรายังมีความหวังอยู่เสมอ เรื่องทุกข์ใจบางอย่างไม่อาจคลี่คลายลงง่ายๆ จนกว่าเรื่องหนักใจต่าง ๆ จะเบาบางลง กลายเป็นเพียงความทรงจำหนึ่งซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

หนังสือเล่มนี้ยังเน้นย้ำอีกว่า แม้ว่าเราต่างก็มีอดีตที่ยังยึดติด มีช่วงเวลาปัจจุบันที่ต้องฟันฝ่า มีอนาคตที่ยังมองไม่เห็นอยู่ข้างหน้า แต่ก็จงใช้ชีวิตอย่างมีความหวังที่จะได้เก็บเกี่ยวความสุขจากทุกช่วงเวลาของชีวิต

ขอให้ทุกคนมีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม มีแรงออกไปใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และมีความฝันที่งดงามอยู่เสมอนะคะ

———————-