ทำไมบางคนถึงหัวร้อน เมื่อเห็นชัชชาติทำงาน!?

Published : ธันวาคม 2, 2022 | Blog | Editor :

ทำไมบางคนถึงอึดอัดคับข้องใจ เวลาที่เห็นคุณชัชชาติ ทำงาน ทำงาน ทำงาน? ทั้งที่ผู้ว่ากรุงเทพฯ คนล่าสุดนี้กำลังลงมือทำในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเมือง หรือต่อการใช้ชีวิตของพวกเขาเองด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงมีคนที่หงุดหงิดและไม่พอใจขนาดนั้น

เรื่องนี้อาจมีคำตอบในหนังสือ “ความถูกต้องอยู่ข้างใคร” หรือ The Righteous Mind จากนักเขียนชื่อดัง โจนาทาน ไฮดต์ ซึ่งผู้แปล คุณวุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ ได้ขยายความไว้อย่างเห็นภาพง่ายๆ และชวนคิดตามเลยทีเดียว
ซึ่งกรณีที่เราเห็นกันตอนนี้ คือคนฝ่ายหนึ่งดูข่าวชัชชาติทำงานเยอะๆ แล้วชื่นชมยินดีมีความสุข แต่คนอีกฝ่ายหนึ่งดูข่าวเดียวกันแล้วหงุดหงิด คับข้องใจ ไม่พอใจ
สิ่งเหล่านี้อาจไม่มีใครถูกหรือผิด ขึ้นชื่อว่าเป็นความคิดทางการเมืองแล้วทุกคนสามารถมีจุดยืนที่แตกต่างกันได้ ถึงอย่างนั้นเองก็ยังมีคำอธิบายในชุดความคิดของแต่ละฝ่ายให้ได้เข้าใจ ลองมาดูรายละเอียดในการทดลองบางอย่างที่น่าสนใจ ที่สรุปไว้ในหนังสือเล่มนี้กัน

ในปี ค.ศ. 2004 ช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากำลังดำเนินไปอย่างร้อนแรง นักวิจัยชื่อ ดรูว์ เวสเทน ได้ทำการทดลองโดยนำเครื่องเอ็มอาร์ไอมาสแกนสมองของผู้มีความคิดแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เขาหากลุ่มตัวอย่างที่สนับสนุนเดโมแครตมาสิบห้าคน และสนับสนุนรีพับลิกันมาสิบห้าคน แล้วนำตัวเข้าเครื่องสแกนทีละคน โดยเปิดภาพให้ชมสิบแปดชุด

ยกตัวอย่างเช่น
1. ภาพประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เคยกล่าวยกย่อง เคน เลย์ ซีอีโอบริษัทเอนรอน ซึ่งต่อมาล่มสลายเพราะถูกเปิดโปงทุจริตครั้งมโหฬาร
2. ภาพต่อมา แสดงให้เห็นว่าบุชหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถึง เคน เลย์ และไม่วิพากษ์วิจารณ์เอนรอน เมื่อเขาถูกถามถึงความเห็น
3. ภาพสุดท้าย เป็นภาพที่ให้คำอธิบายเพื่อช่วยแก้ความขัดแย้งของบุช มีลูกน้องของบุชคนหนึ่งมาชี้แจง ว่าบุชเองก็รู้สึกว่าโดน เคน เลย์ หักหลัง และประหลาดใจอย่างยิ่ง ที่ได้รู้ว่าผู้บริหารเอนรอนคนนี้ทุจริต

ในการทดลองนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในสมองของพวกสนับสนุนรีพับลิกัน คือพวกเขาเริ่มอยู่ไม่สุข กระสับกระส่าย กระอักกระอ่วน กับการกระทำปากว่าตาขยิบของนักการเมืองฝั่งตัวเขาเอง ไปจนกระทั่งพวกเขาได้รับข้อมูลข่าวสารชุดใหม่ ที่เข้ามาช่วยแก้ต่างหรือสะสางความขัดแย้ง พวกเขาก็จะรู้สึกยินดีปรีดาอย่างยิ่ง
เมื่อดูผลสแกนสมองด้วยคลื่นเอ็มอาร์ไอ เมื่อกลุ่มตัวอย่างเห็นภาพที่สอง มันจะส่งผลไปกระตุ้นพื้นที่ในสมอง ส่วนที่เป็นเครือข่ายเกี่ยวกับอารมณ์เชิงลบและตอบสนองการลงโทษ นั่นจึงแปลว่า ไม่ว่าระบบความคิดของพวกเชียร์บุชกำลังทำงานอะไรอยู่ มันไม่ได้เป็นไปในแบบที่ชั่งตวงวัด หรือพิจารณาข้อเท็จจริงของข้อมูลข่าวสาร จนกระทั่งเมื่อเขาได้เห็นภาพที่สาม ภาพสุดท้ายในชุด ที่ให้คำอธิบายต่อบริบทเพื่อช่วยแก้ความขัดแย้ง สมองส่วน ventral striatum ก็ค่อยเริ่มต้นทำงาน มันเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการได้รับรางวัล
สมองของสัตว์โลกทั้งปวง ถูกออกแบบมาให้สร้างความสุขขึ้นแวบหนึ่ง เมื่อมันได้กระทำบางสิ่งที่จำเป็นต่อการมีชีวิตรอด โดปามีนเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งจะถูกสูบฉีดเข้าไปใน ventral striatum (และที่อื่นๆ อีกหลายจุด) ความรู้สึกดีๆ ถูกสร้างขึ้นจากตรงจุดนี้เอง เหมือนกับที่เฮโรอีน โคเคน ทำได้ เพราะมันเป็นสารสังเคราะห์ที่ไปกระตุ้นโดปามีนเช่นกัน

เช่นเดียวกันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ฝ่ายที่ไม่ชอบขั้วความคิดของฝั่งที่สนับสนุนคุณชัชชาติ อาจจะมีอาการนิ่งอึ้งทางศีลธรรม (dumbfounding) เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารความขยันขันแข็งของชัชชาติแบบรายวัน รายชั่วโมง เทียบกับความล้มเหลวของฝั่งการเมืองที่พวกเขาสนับสนุน
พวกเขาอาจจะรู้สึกไม่เป็นสุขนัก มีความกระอักกระอ่วน ร้อนรนใจไปสักพักหนึ่ง ในระหว่างที่นิ่งอึ้งอยู่นี้จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะแชร์เนื้อหาที่ชวนสงบใจหรือภาพครอบครัวที่น่ารัก เพื่อเป็นการปลอบใจตัวเองไปพลางๆ ก่อน ต้องรอไปจนกระทั่งเมื่ออินฟลูเอ็นเซอร์ฝั่งขวา ออกมาช่วยให้เหตุผล เพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ฟากฝั่งทางการเมืองของตน
บรรดาอินฟลูเอ็นเซอร์ฝั่งขวาจึงมีความจำเป็นต่อคนกลุ่มนี้มาก เพราะมันให้โดปามีนแก่สมองของพวกเขา มันช่วยปลดปล่อยพวกเขาจากความกระอักกระอ่วน เป็นการสะสาง cognitive dissonance

แล้วคำถามต่อไปคือ สมองของคนที่สนใจแค่ว่าอยากจะได้โดปามีนสูบฉีดเข้ามา แต่ไม่สนใจข้อเท็จจริงเลยจะเป็นอย่างไร?
เคยมีการทดลองนำหนูมาฝึกกดปุ่มส่งสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นศูนย์กลางของระบบรางวัลในสมอง หนูตัวที่หัดกดปุ่มนี้เป็นก็จะกดปุ่มนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันตายเพราะอดอาหาร สมองของกลุ่มที่ค่อนไปทางสุดโต่งก็เป็นเหมือนหนูในการทดลองนี้ คือจะได้รับสารโดปามีนสูบฉีดเข้ามาเมื่อได้รับข่าวสารที่ตรงใจ จึงอธิบายได้ว่าทำไมคนพวกนี้จึงดื้อรุ้น แล้วจับกลุ่มกันเพื่อรับส่งข่าวสารที่ทำให้พวกเขามีความสุขและเสพติด
พวกเขาจะถูกส่งเสริมให้เสพติดแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยการแสดงออกถึงความบิดเบี้ยวในความคิด เพื่อหลีกหนีออกจากความจริงภายนอกที่พวกเขาไม่ต้องการจะเชื่อ ความคิดสุดโต่งนั้นเสพติดได้เหมือนยาเสพติด พวกเขาเหมือนกับหนูทดลองตัวนั้น ที่ไม่สามารถหยุดกดปุ่มกระตุ้นไฟฟ้าใส่สมองตัวเองให้มีความสุข แม้ว่าตัวเองกำลังจะอดตายก็ตาม

แท็ก


Related Content

ชวนคิดและคุยกับ โดม-ธิติภัทร นักจิตวิทยาจากเพจ he, art, psychotherapy ผู้เชื่อว่าปลายทางของการสำรวจหัวใจคือการอยู่กับปัญหาในชีวิตได้อย่างเข้าใจและมีความสุข

ชวนคิดและคุยกับ โดม-ธิติภัทร นักจิตวิทยาจากเพจ he, art, psychotherapy ผู้เชื่อว่าปลายทางของการสำรวจหัวใจคือการอยู่กับปัญหาในชีวิตได้อย่างเข้าใจและมีความสุข

ชวนคิดและคุยกับ โดม-ธิติภัทร นักจิตวิทยาจากเพจ he, art,…